เพียงเมืองใหญ่ไม่ไร้รัก
· ในท่ามกลางคอนกรีตและอิฐเรียงราย
รุ้งยังทอสายให้ใจยังชุ่มฉ่ำ
ถนนสายยาวทอดกายสีทึมดำ
แต่ต้นไม้ยังร่ายรำอยู่ข้างทาง
· แม้เรื่องราวในเมืองใหญ่ต่างโหดร้าย
แต่ความรักยังมากมายแม้เลือนราง
ตึกแห้งแล้งคนรุ่มร้อนอาจกีดขวาง
แต่จิตใจหวังสร้างสรรค์ยังไม่แปร
· ฉันจึงยังรั้งกายในเมืองใหญ่
แม้ดวงใจจะร่ำไห้เพราะบาดแผล
แม้หลายครั้งดวงใจเจ็บอ่อนแอ
จะไม่แพ้ไม่พ่ายไม่ไร้หวัง
· ในเมืองใหญ่ใช่ว่าจะไร้ฝัน
ในบางวันมีเรื่องราวสร้างพลัง
มีรอยยิ้มมีน้ำใจอยู่ตามทาง
เมืองไม่ร้างคนไม่ไร้หัวใจฝัน
· ทิวเขาท้องนาและฟ้าคราม
นั้นงดงามใครต่างก็รู้กัน
แต่ดวงใจดวงไหนจะรู้ว่าทุกวัน
เมืองใหญ่นั้นมีความงามในความเศร้า
· น่าสงสารเมืองใหญ่ไร้คนรัก
บ้างมาพักบ้างอาศัยกันชั่วคราว
บ้างคิดเพียงหาเงินทุกค่ำเช้า
และเฝ้ารอโอกาสจากมันไป
· ต่างดั้นด้นต่างหากินต่างดิ้นรน
กระเสือกกระสนจนเข้ามาเมืองใหญ่
ต่างกอบโกยเสาะหาผลกำไร
แต่ไม่มีใครเลยหรือ...ที่รักมัน
· บ้างก่นด่าร้องหารัฐบาล
หาผู้ว่าหาราชการหาคนแก้
จะมีใครบ้างไหมไม่ยอมแพ้
ช่วยกันแก้ช่วยกันร่างร่วมสร้างสรรค์
· สร้างเมืองใหญ่ให้น่าอยู่กันดีไหม
เติมหัวใจใส่ความรักร่วมแบ่งปัน
คนละไม้ละมือร่วมช่วยกัน
ในฝันคงไม่นานจะเป็นจริง
· ฉันยังหวังจึงยังมีความฝันใฝ่
ขอเพียงใจของเราไม่ทอดทิ้ง
หากจะเริ่มสร้างสวรรค์ให้เป็นจริง
เรามีสิ่งที่เริ่มได้คือรักมัน
· ฉันจึงยังรั้งกายอยู่เมืองใหญ่...แม้จะไม่ค่อยมีใคร รักมัน
เยาววารี
ค่ำคืนอากาศเย็นในเมืองใหญ่ 23.55 น. 25 พฤศจิกายน 2541
บทนี้เขียนตอนที่ได้ยินเพื่อนฝูงพี่น้องบ่นเบื่อเมืองหลวง ไม่มีใครอยากอยู่กรุงเทพ นึกๆ ไปก็สงสารกรุงเทพ เลยเขียนขึ้นมา แต่เขียนแล้วรู้สึกว่าเหมือนบทกวีของวิทยุร่วมด้วยช่วยกันยังไงไม่รู้
Monday, July 17, 2006
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment