Monday, July 17, 2006

เพียงเมืองใหญ่ไม่ไร้รัก

เพียงเมืองใหญ่ไม่ไร้รัก

· ในท่ามกลางคอนกรีตและอิฐเรียงราย

รุ้งยังทอสายให้ใจยังชุ่มฉ่ำ
ถนนสายยาวทอดกายสีทึมดำ

แต่ต้นไม้ยังร่ายรำอยู่ข้างทาง

· แม้เรื่องราวในเมืองใหญ่ต่างโหดร้าย
แต่ความรักยังมากมายแม้เลือนราง
ตึกแห้งแล้งคนรุ่มร้อนอาจกีดขวาง

แต่จิตใจหวังสร้างสรรค์ยังไม่แปร

· ฉันจึงยังรั้งกายในเมืองใหญ่
แม้ดวงใจจะร่ำไห้เพราะบาดแผล
แม้หลายครั้งดวงใจเจ็บอ่อนแอ

จะไม่แพ้ไม่พ่ายไม่ไร้หวัง

· ในเมืองใหญ่ใช่ว่าจะไร้ฝัน
ในบางวันมีเรื่องราวสร้างพลัง
มีรอยยิ้มมีน้ำใจอยู่ตามทาง

เมืองไม่ร้างคนไม่ไร้หัวใจฝัน

· ทิวเขาท้องนาและฟ้าคราม
นั้นงดงามใครต่างก็รู้กัน
แต่ดวงใจดวงไหนจะรู้ว่าทุกวัน

เมืองใหญ่นั้นมีความงามในความเศร้า

· น่าสงสารเมืองใหญ่ไร้คนรัก
บ้างมาพักบ้างอาศัยกันชั่วคราว
บ้างคิดเพียงหาเงินทุกค่ำเช้า

และเฝ้ารอโอกาสจากมันไป

· ต่างดั้นด้นต่างหากินต่างดิ้นรน
กระเสือกกระสนจนเข้ามาเมืองใหญ่
ต่างกอบโกยเสาะหาผลกำไร

แต่ไม่มีใครเลยหรือ...ที่รักมัน

· บ้างก่นด่าร้องหารัฐบาล
หาผู้ว่าหาราชการหาคนแก้
จะมีใครบ้างไหมไม่ยอมแพ้

ช่วยกันแก้ช่วยกันร่างร่วมสร้างสรรค์

· สร้างเมืองใหญ่ให้น่าอยู่กันดีไหม
เติมหัวใจใส่ความรักร่วมแบ่งปัน
คนละไม้ละมือร่วมช่วยกัน

ในฝันคงไม่นานจะเป็นจริง

· ฉันยังหวังจึงยังมีความฝันใฝ่
ขอเพียงใจของเราไม่ทอดทิ้ง
หากจะเริ่มสร้างสวรรค์ให้เป็นจริง

เรามีสิ่งที่เริ่มได้คือรักมัน

· ฉันจึงยังรั้งกายอยู่เมืองใหญ่...แม้จะไม่ค่อยมีใคร รักมัน


เยาววารี
ค่ำคืนอากาศเย็นในเมืองใหญ่ 23.55 น. 25 พฤศจิกายน 2541



บทนี้เขียนตอนที่ได้ยินเพื่อนฝูงพี่น้องบ่นเบื่อเมืองหลวง ไม่มีใครอยากอยู่กรุงเทพ นึกๆ ไปก็สงสารกรุงเทพ เลยเขียนขึ้นมา แต่เขียนแล้วรู้สึกว่าเหมือนบทกวีของวิทยุร่วมด้วยช่วยกันยังไงไม่รู้

No comments: